ครั้งหนึ่งมีทหารตะกั่วยี่สิบห้าคนที่เป็นพี่น้องกัน เพราะพวกเขาถูกสร้างมาจากช้อนตะกั่วเก่าใบเดียวกัน พวกเขายกอาวุธขึ้นประทับไหล่และมองตรงไปข้างหน้า สวมเครื่องแบบสีแดงน้ำเงินที่สวยงาม สิ่งแรกที่พวกเขาได้ยินในโลกนี้คือเสียงเด็กน้อยร้องว่า "ทหารตะกั่ว!" ด้วยความดีใจขณะเปิดกล่องที่พวกเขานอนอยู่ เด็กน้อยได้รับของขวัญวันเกิดชิ้นนี้และกำลังจัดแถวทหารบนโต๊ะ
ทหารทุกนายเหมือนกันหมด ยกเว้นนายเดียวที่มีขาเพียงข้างเดียว เพราะเมื่อถึงคิวเขาก็เหลือดีบุกไม่พอ จึงต้องยืน firmly บนขาเดียว ทำให้เขาดูโดดเด่นมาก
บนโต๊ะนั้นมีของเล่นมากมาย แต่สิ่งที่สวยที่สุดคือปราสาทกระดาษน้อย สามารถมองเห็นห้องต่างๆผ่านหน้าต่างเล็กๆ ด้านหน้าปราสาทมีต้นไม้เล็กๆล้อมรอบกระจกเงาที่ทำเป็นทะเลสาบใส มีหงส์ขี้ผึ้งว่ายน้ำและสะท้อนเงาลงไป
แต่สิ่งที่งดงามที่สุดคือหญิงน้อยตัวเล็กที่ยืนอยู่หน้าประตูปราสาท เธอสวมชุดมัสลินขาวมีริบบิ้นฟ้าคาดไหล่ และมีกุหลาบประดับเปล่งประกายอยู่ที่หน้าอก ขนาดใหญ่เท่าหน้าเธอเสียด้วย
หญิงน้อยเป็นนักเต้น ยืนยกขาขึ้นสูงจนทหารตะกั่วเห็นเพียงขาเดียว เขาคิดว่าเธอก็มีขาเดียวเหมือนกัน "นี่แหละคู่ชีวิตของฉัน" เขาคิด "แต่เธอสวยงามและอยู่ในปราสาท ส่วนฉันมีเพียงกล่องเล็กๆที่อยู่กันยี่สิบห้าคน ไม่เหมาะสำหรับเธอเลย แต่อย่างไรก็ต้องทำความรู้จักให้ได้"
ทหารตะกั่วแอบมองเธอจากหลังกล่องยาสูบ หญิงน้อยยังคงยืนบนขาเดียวอย่างมั่นคงไม่ล้มเลย
เมื่อถึงกลางคืน ของเล่นต่างๆเริ่มเล่นกันเอง แต่ทหารตะกั่วถูกขังไว้ในกล่อง เขาได้แต่เคาะกล่องอยากออกไปร่วมสนุก
ทหารตะกั่วและนักเต้นน้อยต่างยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อน เขามองเธอไม่กระพริบตาเลย
เมื่อนาฬิกาตีสิบสอง ภูตน้อยดำตัวหนึ่งก็โผล่ออกมาจากกล่องยาสูบ "อย่าฝันสูงไปกว่าที่เจ้าจะเอื้อมถึง" ภูตน้อยกล่าว แต่ทหารตะกั่วแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
เช้าวันต่อมา เด็กๆวางทหารตะกั่วไว้ริมหน้าต่าง ทันใดนั้นหน้าต่างก็เปิดออก ทหารตะกั่วร่วงลงมาจากชั้นสาม ศีรษะปักลงพื้น หมวกและดาบติดอยู่ระหว่างแผ่นหิน
ฝนเริ่มตกหนัก เด็กสองคนเห็นทหารตะกั่วจึงทำเรือกระดาษให้เขา ล่องไปตามร่องน้ำที่เชี่ยวกราก
เรือกระดาษล่องเข้าอุโมงค์มืด "ถ้าเธออยู่ที่นี่กับฉันก็คงไม่กลัวความมืด" เขาคิด
หนูใหญ่ตัวหนึ่งถามหนังสือเดินทาง แต่ทหารตะกั่วไม่ตอบ เรือลอยไปจนถึงน้ำตกใหญ่
เรือกระดาษจมลง ทหารตะกั่วยืนจมน้ำถึงคอ ก่อนจะจมหายไปในท้องปลาใหญ่
ภายในท้องปลามืดมิดกว่าอุโมงค์เสียอีก แต่เขายังคงยืนตรงอย่างองอาจ
ต่อมาปลาถูกจับได้และถูกนำไปขาย พ่อครัวผ่าท้องปลาพบทหารตะกั่ว และนำเขากลับไปที่บ้านเดิม
ที่นั่น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม หญิงน้อยนักเต้นยังยืนอยู่ที่เดิม ทหารตะกั่วแทบจะร้องไห้แต่เขาอดทนไว้
ทันใดนั้น เด็กคนหนึ่งก็หยิบทหารตะกั่วโยนเข้าเตาผิง เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังละลายแต่ยังยืนตรง
ลมเปิดประตูพัดหญิงน้อยนักเต้นลอยเข้าไปในเตาไฟด้วย เธอลุกเป็นไฟแล้วหายไป
ทหารตะกั่วละลายกลายเป็นหัวใจตะกั่วเล็กๆ ส่วนหญิงน้อยเหลือเพียงดอกกุหลาบที่ไหม้เกรียม